รู้หรือไหม สแกนเลต 304 กับ 316 และ 201 ต่างกันอย่างไร

ในปัจจุบัน แก้วเก็บความเย็น กลายเป็นไอเท็มสำคัญสำหรับคนรักเครื่องดื่ม ทั้งกาแฟ ชา น้ำเย็น หรือน้ำผลไม้ เพราะช่วยคงอุณหภูมิได้นาน พกพาสะดวก และลดการใช้แก้วพลาสติกแบบครั้งเดียวจบ แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ วัสดุสแตนเลส ที่ใช้ทำแก้ว ซึ่งมีหลายเกรด และแต่ละเกรดมีความแตกต่า งกันอย่างชัดเจน

สแตนเลสคืออะไร และทำไมถึงสำคัญสำหรับแก้วเก็บความเย็น
สแตนเลส (Stainless Steel) คือโลหะผสมที่มีส่วนประกอบหลักเป็น เหล็ก (Iron) และ โครเมียม (Chromium) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติกันสนิม บางเกรดจะผสมนิกเกิล (Nickel) และธาตุอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและการทนการกัดกร่อน

สำหรับ แก้วเก็บความเย็น วัสดุสแตนเลสที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติ
ปลอดภัยต่อการสัมผัสอาหารและเครื่องดื่ม
ไม่เป็นสนิมง่าย
ทนต่อกรด ด่าง และอุณหภูมิร้อน-เย็น
ไม่ดูดซับกลิ่นหรือรสชาติ

เกรดสแตนเลสยอดนิยมสำหรับแก้วเก็บความเย็น
1. สแตนเลสเกรด 201
ส่วนผสม: Chromium 1617% + Manganese + ปริมาณ Nickel น้อย
ข้อดี:
ราคาถูกที่สุด
แข็งแรงเชิงกลสูง
ข้อเสีย:
กันสนิมได้น้อยกว่า 304 และ 316
ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่ชื้นหรือน้ำทะเล
เหมาะกับ: แก้วราคาประหยัด หรือใช้งานทั่วไปที่ไม่โดนน้ำตลอดเวลา

2. สแตนเลสเกรด 304 (Food Grade)
ส่วนผสม: Chromium 18% + Nickel 8%
ข้อดี:
กันสนิมได้ดี
ปลอดภัยต่อการสัมผัสอาหารและเครื่องดื่ม
ดูแลรักษาง่าย
ข้อเสีย:
ราคาสูงกว่า 201
เหมาะกับ: แก้วเก็บความเย็นคุณภาพมาตรฐาน ใช้ในชีวิตประจำวัน

3. สแตนเลสเกรด 316 (Marine Grade)
ส่วนผสม: Chromium 16% + Nickel 10% + Molybdenum 2%
ข้อดี:
กันสนิมดีที่สุด โดยเฉพาะในน้ำเค็มและสภาพแวดล้อมชื้น
ทนสารเคมีได้ดีกว่า 304
ข้อเสีย:
ราคาสูงที่สุด
เหมาะกับ: คนที่อยู่ใกล้ทะเล หรือใช้งานกลางแจ้งที่เสี่ยงต่อการกัดกร่อน